หลุมพราง กลางใจ
ฉันจึงได้มองเห็นใบหน้าที่คมเข้มอย่างถนัดตาย จมูกโด่งเป็นสัน ได้รูปปากบางเฉียบราวกับริมฝีปากผู้หญิง อมชมพูนิดๆ ด้วยซ้ำ นิ้วเรียวเล็กดูแล้วไม่น่าจะเคยทำงานหนัก พิจารณาแล้วฉันก็ลอบถอนใจเบาๆ
ผู้เข้าชมรวม
138
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
หลุมพราง กลางใจ
โดย ควันหลง
ฉันทำงานที่นี่มานานพอสมควร
คนเข้าออกที่นี่มากมายจนจำแทบไม่ได้ ทั้งหญิงและชายทั้ง part time and
full time 5555555 ภาษาปะกิดเราก็พออ่านออกเขียนได้เพราะที่ร้านมีทั้งไทยและเทศต่างมานั่งพักผ่อนหย่อนอารมณ์ในวันว่างๆ
หรือบางรายก็มาเป็นลูกค้าประจำก็ว่าได้ อ้อ!!!ลืมบอกไปร้านของฉันเป็นร้านกาแฟสไตล์ทั่วไปแต่งแบบหยิบจับอะไรได้ก็เอามาใส่ๆ
ไปเลยกลายมาเป็นสไตล์นี้ไป ที่ร้านมีทั้งอาหารหนักและเบาๆ ทั้งสเต๊กหมู ไก่ ปลา
อาหารตามสั่ง ข้าวผัดกระเพรา สปาเก็ตตี้ขี้เมา คนเสิร์ฟก็เปลี่ยนหน้ากันมาเรื่อยๆ
เพราะส่วนมากจะเป็นนักเรียนที่รับนักเรียนเพราะอยากช่วยในเรื่องของค่าเทอมมากกว่า
ไอ้คั้นจะให้เป็นทุนก็ง่ายไปให้แบบจ้างดีกว่าเขาจะได้เห็นคุณค่าของเงินด้วย
ฉันกะจะทำร้านนี้เล่นแก้เซ็งในวันว่างๆ แต่ให้ตายเถอะ
จะด้วยฝีมือหรือว่าอะไรก็ตามแต่ทำให้ลูกค้าแห่กันมาอุดหนุนไม่ขาดสาย
ที่ร้านมีบริหาร wifi ด้วยนะ แถมลมเย็นจากธรรมชาติ
ต้นไม้น้อยใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขา เหมือนร้านเราเลย วันนี้พนักงานเสิร์ฟลาออกเพื่อไปเรียนต่อ
แต่บ่ายๆ จะมีเข้ามาสัมภาษณ์คนหนึ่งฟังจากเสียงที่โทรมาน่าจะเด็กๆ อยู่เลย
แต่ก็นั่นแหละ ถ้าหน่วยก้านดีเอาการเอางานก็ว่าจะรับเลย
“เอิ่ม..พี่ครับที่ร้านรับสมัคร พนักงานเสิร์ฟใช่มั้ยครับ” เราก็ตอบกลับตามสายไป
“ช่ายครับ ใครจะมาสมัครล่ะ บ่ายอ่ะพี่ว่างลองมาละกัน”ปลายสายเสียงกระตือรือร้น
“ได้ครับ บ่ายๆ เจอกันครับ” เราก็วางสายไป
ฉันเหลือบมองนาฬิกาที่ข้อมือ
บ่ายแล้วนี่เดี๋ยวต้องสัมภาษณ์งานนี่นา ล้างมือล้างไม้แป๊บดีกว่า
ให้ป้าสายทำไปคนเดียวก่อนละกัน “ป้าสายๆ เนมพักก่อนนะค่ะ ประเดี๋ยวจะมีแขกค่ะ”
ป้าสายเป็นแม่บ้านที่ทำอาหารอร่อยมาก “ตามสบายเถอะ หนูเนมเดี๋ยวป้าจัดการให้ค่ะ”
ฉันได้แต่ยิ้มๆ ไม่นานนักก็มีหนุ่มน้อยคนหนึ่งเข้าสนทนากะป้าสาย ป้าสายพาเดินตรงมาหาฉันทันที
“หนูเนมมีคนมาหาค่ะ” ฉันหันมามองนิดหนึ่งก่อนจะถามไปว่า “เราใช่มั้ยที่โทมาอ่ะ”
อีกฝ่ายรีบตอบทันที “ครับ พอดีได้ข่าวว่าร้านพี่รับพนักงานเสิร์ฟครับ”
ฉันยิ้มน้อยๆ “นั่งก่อนซิ รีบมั้ยล่ะ”
หนุ่มน้อยส่ายหน้าแทนคำตอบพร้อมนั่งตรงข้ามฉัน
ฉันจึงได้มองเห็นใบหน้าที่คมเข้มอย่างถนัดตาย จมูกโด่งเป็นสัน
ได้รูปปากบางเฉียบราวกับริมฝีปากผู้หญิง อมชมพูนิดๆ ด้วยซ้ำ นิ้วเรียวเล็กดูแล้วไม่น่าจะเคยทำงานหนัก
พิจารณาแล้วฉันก็ลอบถอนใจเบาๆ “น้องพี่บอกไว้ก่อนนะ ร้านพี่งานค่อนข้างหนักนะ
บางครั้งต้องแบกหามไหวมั้ยเรา” หนุ่มน้อยยิ้มน้อยๆ ก่อนตอบ “ไหวครับพี่”
ฉันหรี่ตามองหน้าคมๆ นั้นอีกครั้ง พลางคิดในใจ เด็กอะไรหน้าตาดีเกิ๊น
แต่ก็ดีแล้วสาวๆ จะได้เข้าร้านเยอะๆ คิดพลางก็อมยิ้ม
พอดีกับเด็กนั่นหันมาพอดีเราเลยต้องหัวเราะแก้เก้อแทน “อาจมีแบกหามบ้างนะ
พรุ่งนี้มาเช้าๆ ละกันไม่เกิน แปดโมงนะ อ้อ!!พี่ไม่ชอบคนไม่ตรงต่อเวลานะ
เอาละกลับได้” หนุ่มน้อยยิ้มแฉ่ง “พี่ครับ พี่รับผมทำงานแล้วใช่มั้ยครับ”
ฉันหันไปมอง “ยังๆ แต่ขอดูงานพรุ่งนี้ก่อนนะ” เด็กหนุ่มยิ้มรับ นัยน์ตาดำขลับ
ขนตายาวเป็นแผงยิ่งเวลากระพริบตานะ เป็นแพเลยทีเดียวผู้ชายอะไรขนตาสวยขนาดนี้ฉันคิดในใจเบาๆ
แอบอิจฉาเล็กๆ เราซะอีกเป็นผู้หญิงทั้งแท่งยังไม่งามเท่าเลย เอ? เราสังเกตมากเกินไปป่ะว่ะ
55555 เออ!!นั่นดิเรานี่ ที่นึกๆ มาเนี่ยมันเข้ากับงานมั้ย?? พอๆ เลิกคิด พอๆ
เช้านี้อากาศดีมากเพราะเมื่อคืนมีฝนตกปรอยๆ
แทบทั้งคืนนอนงี้ฝันหวานทีเดียว รีบลุกขึ้นมาตั้งน้ำร้อนเพื่อชงกาแฟมะนาว
ฉันชอบกาแฟดำบีบมะนาวใส่ลงไป 1 ผลจิบร้อนๆ ยืนอิงหน้าต่างฟังเพลงเบาๆ
เจ้าเหมียวตัวยุ่งประจำบ้านเข้ามาพันแข้งพันขาคลอเคลีย ปากก็ร้องเหมียวๆ ตลอด
ฉันลูบหัวนางเบาๆ อุ้มนางมาวางที่ตักเกาคางเบาๆ นางฟินมากครางกระหึ่มเลยทีเดียว“ไอ้เหมียวแกนี่
แค่เกาคอก็ฟินเนาะ วันนี้ที่ร้านจะมีพนักงานมาทำงานใหม่นะเหมียว เออ!!ลืมถามชื่อเลยอ่ะแก
มั่วแต่ชื่นชมหนังหน้าเขา 55555” จริงๆ นะ
ลืมถามชื่อแซ่เลยเรา มั่วแต่สนใจขนตาที่ยาวเป็นแพนั่น ช่างเถอะ!!! เดี๋ยวสายๆ
ก็เจอแหละ “หนูเนมๆ เรียบร้อยหรือยังค่ะ” เสียงป้าตะโกนเรียกที่หน้าบ้าน “ค่ะๆ
กำลังไปคร่า” ฉันตะโกนตอบออกไป “มีหนุ่มน้อยมารอพบค่ะ
หนูเนมป้าให้นั่งรอพร้อมเสิร์ฟน้ำเรียบร้อย” ฉันยิ้มน้อยๆ
แล้วเดินตามออกไปที่ร้านทันที ร้านของฉันอยู่ห่างจากบ้านพักไม่มากนักเดินไม่เกิน
10 ก้าวก็ถึงแล้ว ฉันก้าวฉับเข้าไปในร้านมองเห็นแผ่นหลังกว้างๆ
ของบุรุษหนึ่งนั่งเอนหลังในท่าสบายๆ ฉันยืนมองอย่างเพลินๆ
แต่พอนึกได้ว่าต้องสั่งงาน สอนงานกับบุรุษผู้นี้ จึงกระแอมเบาๆ เป็นเชิงทักทาย
“อะแฮ่ม!!มาตรงเวลาดีนี่ พี่ชื่นชมถือว่าผ่าน
ในเรื่องของเวลานะ”หนุ่มน้อยยิ้มรับคำชม “ขอบคุณครับ ผมจะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุดครับ”
ฉันรู้สึกพอใจกับคำตอบและความอ่อนน้อมถ่อมตนนั้น “เออ นี่เรามีชื่อเล่นป่ะ” ฉันโพล่งถามออกไป
“มีครับ เรียกผมว่า อุ้ม ละกันครับ” ฉันสงสัยเลยถามต่อ “อ้าว
แล้วพ่อแม่เราเขาเรียกอะไร” คราวนี้หนุ่มน้อยหัวเราะจนตาหยี น่าเขกกบาลจริงๆ
“เขาก็เรียก อุ้ม นี่แหละครับพี่” ก่อนที่ฉันจะโมโหเลยรีบโบกมือให้ไปทำงานซะ “ไปๆ
ไปจัดโต๊ะ เช็ดโต๊ะ เรียงของเลย วอนตั้งแต่วันแรกเลยนะ” อุ้มยังคงขำต่อ
เออ!!แล้วเราจะอารมณ์เสียทำไมนะ “นี่ๆ หยุดขำแล้วไปทำงาน ฉันเป็นนายจ้างนะ
เด่ะหักตังค์เลย” ฉันขู่ฟ่อๆ ทันทีเมื่อมีโอกาส เป็นเหตุให้หนุ่มน้อยหุบยิ้มทันที
คราวนี้เป็นฉันเองที่หัวเราะแล้วเดินหนีไปทางอื่น เอ???แล้วนี่เราจะเอาชนะเขาทำไม
เออ!!เนาะ “พี่ครับ เที่ยงแล้วผมจะไปหาข้าวทาน พี่จะรับอะไรมั้ยผมจะซื้อมาให้”
ฉันพลิกข้อมือดูนาฬิกา แหม!!วันนี้ทำงานลืมเวลาเลยเรา “ไม่อ่ะ กินด้วยกันมั้ยละ เดี๋ยวให้ป้าสายทำเผื่อ
ปกติลูกจ้างกินที่นี่นะ” อุ้มมองหน้า งงๆ “ไม่ต้อง งง
เดี๋ยวเรากลับร้านช้าเผื่อมีลูกค้าด้วย เข้าใจนะ” อุ้มกลืนน้ำลายเอื้อก
กับความเฮี้ยบของนายสาว “ครับ งั้นผมของข้าวผัดกระเพรา 1 ที่นะครับ”
ฉันพยักหน้ารับ “ป้าสายขา วันนี้เรามีอะไรทานบ้างอ่ะค่ะ หนูเนมหิวแล้วคร่า”
ป้าสายรีบตอบทันที “กะทิสายบัว ของโปรดหนูเนมจ้า” ฉันรีบลุกไปเตรียมข้าวทันที
“อุ้ย! หนูเนมไปนั่งค่ะ เดี๋ยวป้ากะเจ้าอุ้มจัดการเองนะค่ะ”
ป้าสายรีบเรียกอุ้มทันที “อุ้มเอ๊ย ยกสำรับช่วยป้าหน่อยเร็วๆ” อุ้มช่วยป้าสายจัดอาหารตักข้าว
ส่วนฉันนั่งรอทานอย่างเดียว ป้าสาย อุ้ม
และฉันนั่งทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยกันทีเดียว “อุ้มเป็นคนที่ไหนลูก”
ป้าสายถามระหว่างนั่งทานข้าวด้วยกัน “เอ่อ..คนหมู่บ้านถัดไปโน้นครับ
ขับรถมอร์ไซด์มาแป๊บเดียวก็ถึง” ป้าสายพยักหน้ารับรู้ แต่ยังถามไม่หยุด
ทำให้ฉันพลอยรับทราบข้อมูลไปด้วย “เราเรียนอยู่เหรอ” ป้ายังคงถามต่อ “ครับ ยังเรียนอยู่อีกปีเดียวก็จบแล้วครับ
เหลือโปรเจ็คสุดท้าย ปีหน้าก็จบแล้วครับ” ตอบพลางปรายตามามองเรา
“พี่ครับพี่จบอะไรมาครับถึงเปิดร้าน” ฉันหยุดทาน แล้วตอบคำถาม “จบครุศาสตร์มา”
อุ้มยิ้มแฉ่งท่าทางตื่นเต้น “ว้าวพี่เก่งมากเลยครับ บริหารจัดการได้ดีเยี่ยมเลย”
ฉันค้อนให้ก่อนตอบไปว่า “ไม่ต้องมาชมเลย” อุ้มอมยิ้มขำนิดๆ “ผมขอพูดอะไรตรงๆ นะ
พี่ตั้งแง่อะไรกับผมรึเปล่าครับ ดุผมจัง” ฉันเลยตีหน้ายักษ์ ป้าสายรีบห้ามทัพ “พอๆ
ค่ะ อย่าทะเลาะกันนะค่ะ” ฉันยังส่งค้อนแถมท้าย “ทำงานของนายไปเลยนะ อุ้ม เช๊อะ!!”
อุ้มหัวเราะ หึ หึ หึ ในลำคอ “ผมทำผิดอะไรครับ ป้าสาย”
อุ้มทำเหมือนอ้อนป้าสายเลยในความรู้สึกของฉัน “นี่นายไม่ต้องไปขอความเห็นใจจากป้าสายเลยนะ
ไปทำงานเดี๋ยวหักเงินเดือนเลยนะ” ฉันขู่ฟ่อๆ ต่ออย่างได้เปรียบ คราวนี้ได้ผล
หนุ่มน้อยรีบลุกไปเก็บจาน หั่นผักทันที ไอ้ที่ลุกน่ะ
เพราะขี้เกียจเถียงไม่ได้กลัวถูกหักเงินเดือนหรอก
แต่ฉันกระหยิ่มยิ้มในใจที่เป็นฝ่ายชนะ ครั้งนี้!!! ป้าสายเล่าให้ฟังว่าอาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์
อุ้มมาแต่เช้าทุกวันเลย แลดูเป็นเด็กขยันเอาการเอางานทีเดียวล่ะ
ฉันได้แต่เบะปากแต่ในใจก็นึกชื่นชม “ทำไปงั้นรึเปล่าป้าสาย ประเภทใหม่ๆ
อ่ะเดี๋ยวลายคงออก” ป้าสายค้อนให้วงใหญ่ ก่อนจะหยิกนิดๆ ที่ต้นแขน “นี่แน่ะๆ
หนูเนมเนี่ย จ้องจับผิดจริงๆ เชียว” ฉันร้องลั่น “โอ้ย!!ป้า หนูเจ็บน๊าาาา แหมๆ
แตะไม่ได้เลยอ่ะ” ป้าสายมองค้อน “ก็ดู หนูเนมทำซิ แกล้งอยู่ได้” คราวนี้ฉันอมยิ้ม
“หนูปล่าวแกล้งนะค่ะ หนูแค่ทำตัวให้เป็นนายจ้างที่ดีตะหาก” ป้าสายค้อนอีกรอบ “จ๊ะ
หนูเนมป้าจะพยายามเชื่อค่ะ” ฉันหัวเราะแหะๆอย่างเบิกบานใจ
นายยังต้องเจออะไรอีกเยอะ ไม่ใช่ว่าหน้าตาดีแล้วจะมีอภิสิทธิ์ทำอะไรก็ได้ หุ หุ หุ
ฉันหัวเราะในใจยิ้มบางๆ ที่มุมปาก ป้าสายมองหน้าแล้วส่ายหน้าขำๆ “ระวังนะค่ะ
หนูเนมแกล้งเขาบ่อยๆ จะหลงรักน้องเขาซะเองนะ ถึงวันนั้นป้าจะขำให้” ฉันอมยิ้ม
“ไม่มีทางค่ะ” ฉันตอบออกไปทันควันทีเดียว “ไม่มีทางแน่นอน” ป้าสายตอบทันทีเช่นกัน
“ป้าจะรอดูนะค่ะ เอ็นดูเขา ก็ทำกับเขาดีๆ อย่าแกล้งค่ะ” ฉันยังคงเถียงไม่หยุดปาก
“เหอๆ มาไม่เท่าไรเป็นที่รักของป้าไปแล้วอ่ะ” ป้าสายอมยิ้มกับความอิจฉาเล็กๆ
ของฉัน “โถๆๆ หนูเนมของป้า ยังไงป้าก็รักหนูเนมนะค่ะ ป้าแค่เตือนเท่านั้นเอง โถๆๆ
อย่าน้อยใจเลยเนาะๆ” ป้าสายเข้ามากอดฉันหลวมๆ ฉันก็กอดตอบ “ป้ารักหนูเนมนะค่ะ”
ฉันรีบตอบทันที “หนูก็รักป้าสายคร่า ป่ะๆ ทำงานกันมาดราม่าแต่เช้าเลย”
ฉันกับป้าสายยิ้มให้กัน ป้าสายดูแลฉันมาตั้งแต่เล็กๆ ป้าสายทำอาหารอร่อยมาก
ฉันจึงคิดที่จะทำร้านเล่นๆ
เพื่อให้ป้าคลายเหงาและก็เป็นป้าสายอีกนั่นแหละที่ดูแลฉันและกิจการในร้าน
การสั่งวัตถุในการทำอาหารป้าสายค่อนข้างที่จะพิถีพิถันมาก
ฉันแทบที่จะไม่ต้องทำอะไรมากมายเลยด้วยซ้ำไปแค่ดูแลในเรื่องของบัญชีมีเพียงแค่นั้นและในบางครั้งก็ช่วยเสิร์ฟบ้าง
เมื่อลูกค้าเข้ามาใช้บริการพร้อมกันหลายคนหลายโต๊ะ
วันนี้มีลูกค้าเข้ามาในร้านแต่เช้า อุ้มซึ่งมาที่ร้านแต่เช้าทุกวันก็ทำงานไม่เคยบ่น
เป็นคนตั้งใจทำงานดีมากเลยทีเดียวฉันสังเกตเห็นว่า
อุ้มเป็นคนตั้งใจทำงานมาถึงจะรีบช่วยป้าสายจัดของ ล้างผัก จัดเตรียมช้อน จาน
เออ!!!จะว่าไปนางก็ขยันขันแข็งเหมือนที่ป้าสายแกว่าเลยแฮะ
แต่ก็นั่นแหละเราจะไม่ชมหรอกเดี๋ยวจะเหลิงนี่ฉันคิดเองทั้งนั้นเลยป่ะเนี่ย
“พี่ครับผมขอเข้าห้องน้ำแป๊บ แต่โต๊ะนั้นรออาหาร
ผมฝากพี่หน่อยนะครับ”พูดจบก็เดินลิ่วไปเลย
ไม่รอฟังคำตอบสักนิดเป็นเหตุให้ฉันต้องไปเดินเสิร์ฟ
และได้เห็นว่าวันนี้ลูกค้าเยอะมาก เต็มแทบทุกโต๊ะแลดูร้านเล็กลงไปถนัดตาทีเดียว
ฉันยิ้มกริ่มให้กับตนเองรู้สึกภาคภูมิใจมากๆ ไม่นานนักอุ้มก็มาช่วยฉันเสิร์ฟ
ป้าสายปรุงอาหารแทบไม่ได้พัก ฉันกับอุ้มก็จดออเดอร์ส่งป้าสายมือเป็นระวิงทีเดียว
“พี่เนมครับ วันนี้แขกชุกชุมมากเลยนะ พี่ว่ามั้ยครับ” ฉันขำเบาๆ กับประโยคนั้น
“บ้ารึแก แขกชุกชุมไม่ใช่โจรนะ” อุ้มพลอยหัวเราะกับฉันไปด้วย “เอิ่ม...ผมลืมไป
ว้า!!ใช้ภาษาผิดจนได้ 5555555” ฉันยังคงขำ “เออดิ ครูที่ไหนสอนแกมาว่ะ
ฉันจะไปฟ้องครูแก” อุ้มหัวเราะเบาๆ “อย่านะ พี่ผมยิ่งตกภาษาไทยอยู่"
ฉันหัวเราะขำอีกรอบ อุ้มยิ้มจนตาหยี ฉันเลยนึกขึ้นมาได้ “ นายขำอะไร เดี๊ยๆๆ
ไปเสิร์ฟโต๊ะนู่นเลยนะ ขึ้นหน้า!!!” อุ้มทำหน้าเหรอหรา “อ้าวพี่เนม
ตะกี้ยังคุยกับผมดีๆ อยู่เลยนะ วัยทองป่ะเนี่ย” ดู๊ดู ไอ้เด็กบ้า มันยอกย้อน
น่าตบให้หัวทิ่มนัก ฉันหันขวับตาเขียวใส่ทันที โดยไม่มีคำพูดใดๆ
หลุดออกจากปากฉันเลยอุ้มรู้ตัวรีบเดินไปทางอื่นทันทีแต่ก่อนไปยังจะยักคิ้วข้างเดียวให้ฉัน
ดูมันเถอะยิ่งนานวันความทะเล้น ทะลึ่งเริ่มเป็นระยะๆ
แต่มันก็ทำให้ฉันมีชีวิตชีวาขึ้นมาได้ พูดมากขึ้น ยิ้มมากขึ้น หัวเราะมากขึ้น ป้าสายลอบมองแล้วยิ้มขำกับความทะเล้นของเจ้าอุ้ม
ป้าสายชมให้ฉันฟังบ่อยๆ ถึงความขยันของชายหนุ่ม แต่ฉันไม่เคยหลุดปากชมสักที
ป้าเชียร์แล้วเชียร์อีกแต่ฉันก็รู้ทันตลอด วันนี้ก็เช่นกันเมื่ออุ้มกลับไปแล้ว
ป้าสายทำสเต๊กใส่กล่องให้ไปกินตอนค่ำ
ฉันแกล้งทำเป็นไม่เห็นเพราะรู้ว่าวันนี้เขาทำงานเหนื่อยมากทั้งวัน
เพราะลูกค้ามากันเต็มร้านแทบไม่มีเวลาพักทานข้าวเลย พออุ้มออกจากร้านไปฉันจึงแซวว่า
“แหม เดี๋ยวนี้อะไรก็อุ้มนะ ลืมหนูไปแล้วมั้ง” ป้าสายค้อนให้ทีนึง
“ใครจะลืมหนูเนมจอมแก่นได้ค่ะ แกล้งเขาทั้งวัน อุ้มน่ะ มันขยันมาแต่เช้าทุกวัน
วันนี้แขกก็เยอะแบ่งไปสักกล่องคงไม่เป็นไร ป้ารู้หนูเนมใจดี”
ฉันกลั้นขำไม่ได้เลยหัวเราะกร๊ากทันที “ แหม ป้าไม่ต้องมาหยอดลูกยอหนูเลย
อย่าบ่อยนะค่ะ เดี๋ยวจะเคยตัว เนมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะค่ะ ทั้งร้อน
ทั้งเหนียวเลยค่ะ” ป้าสายยิ้มน้อยๆ
อย่างรู้ทันว่า ฉันเริ่มใจอ่อนเห็นความขยันของอุ้มบ้างแล้ว
“ซาหวาดดียามเช้าคร้าบบบบบบ คุณเนม”
รุ่งอรุณวันใหม่ที่มาพร้อมกับความยียวนกวนโมโหได้เริ่มขึ้นอีกวัน ฉันพยักหน้ารับ
“อืม” อุ้มทักแค่นั้นก็เดินไปช่วยป้าสายเตรียม ผัก เนื้อหมู ไก่ ปลา
ทันทีฉันหยุดทำบัญชีแอบชำเหลืองมองอากัปกริยาของอุ้มตามที่ป้าสายบอกเล่า อืม!!!
ก็ขยันขันแข็งดี เอาการเอางานอย่างที่ป้าบอกจริงๆ จัดโน่น เรียงนี่
ในเป้ยังคงพกห่อข้าวมาตลอด ดูๆ ไปก็ขยันและรู้จักพอเพียงดีนะ อุ๊ย!!!นี่เราเผลอชม
นายบ๊องนี่รึ ม่ายยยยยยยยยยไม่ๆๆๆๆๆ เดี๋ยวเหลิง แผ่นหลังที่ก้มๆ เงยๆ
กับโต๊ะอาหารลูกค้า อุ้มจัด เช็ด ถู จนน่านั่ง และที่สำคัญเขาเป็นคนมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก
หน้าตาเกลี้ยงเกลา คิ้วหนาๆ สวมเสื้อยืดเนื้อบางเบา กางเกงยีนส์เก๋าจนขาดที่เข่า
แต่ทว่ากับดูคลาสสิคมีเสน่ห์ แขนมีกล้ามนิดๆ ผมตัดรองทรงสูงรับกับใบหน้าที่เข้ม
ขนตาที่ยาวเป็นแผง น่ามองมากเมื่อยามกระพริบตาถี่ๆ
ช่างเป็นบุรุษเพศที่น่าหลงใหลจริงๆ มีเสน่ห์เมื่อชายตามอง
ตายละ!!!เผลอแป๊บเดียวนี่เราสำรวจเขาซะทั่วเชียว บ้าจริงๆ เขาคงไม่รู้ตัวหรอกนะ
นี่เท่ากับเราลวนลามทางสายตาหรือเปล่านะ ฉันคิดอะไรต่อมิอะไรไปเรื่อย “ หนูเนมๆๆ”
ฉันสะดุ้งตกใจเพราะเสียงเรียกของป้าสาย “ขา ป้ามีไรค่ะ” ป้าสายรีบสาธยายทันที “
เนื้อปลาหมดคร่า หนูเนม เนื้อปลาแซลมอนค่ะ หมดเกลี้ยงเลย เอาไงดีค่ะ”
ฉันขมวดคิ้วคิดทันที สายมากแล้วด้วยดิ ตลาดไม่ไกลหรอกแต่รถไม่มีไปนี่แหละ ตัวปัญหา
กำลังวิตกฉับพลันเสียงนุ่มๆ ของอุ้มก็ดังขึ้น “ผมพาไปมั้ย
พี่กล้านั่งมอร์ไซด์มั้ย” ฉันนิ่งแทนคำตอบครุ่นคิด “ผมว่า พี่นั่งรถแล้วคิดไปนะ
ไม่งั้นตลอดวาย อดได้เนื้อปลานะพี่” ฉันทำตามอย่างว่าง่าย “กอดเอวผมได้นะ
ผมไม่ว่าหรอก” ฉันสวนทันที “ไม่มีทาง” แต่เจ้ากรรมด้วยความที่ไม่ทันตั้งตัว
พอรถสตาร์ทออกตัวหัวฉันทิ่มไปซบหลังอย่างจังแขนก็คว้าหมับ เข้าที่เอวทันที
“ไหนว่าจะไม่กอดไงพี่” เสียงอุ้มล้อเลียนมา ฉันรีบปล่อยมือทันทีด้วยความอาย
“ทะลึ่ง มันบังเอิญย่ะ” อยากจะทุบซักตุ๊บแต่ไม่กล้าได้แต่นั่งตัวเกร็งๆ “พี่เนม
พี่ไม่เคยนั่งซ้อนรถเหรอ นั่งเกร็งแบบนี้นอกจากพี่จะเมื่อยแล้ว
คนขับก็เหนื่อยนะครับ” ฉันชักหงุดหงิด “ก็ฉันกลัวนี่” คราวนี่อุ้มหัวเราะ
จนฉันสัมผัสได้แม้ไม่มีเสียงก็เถอะ
แต่นายนั่นก็ผ่อนความเร็วของรถลงฉันค่อยหายเกร็ง แค่เกาะเอวอุ้มหลวมๆ เท่านั้น
“อีกแป๊บ ก็ถึงแล้วนะครับพี่” ฉันได้แต่ถอนใจแทนคำตอบ
พอถึงตลาดฉันงี้แทบโดดลงจากรถ “ผมขอโทษนะพี่” พูดพลางจูงมือฉันเดิน
ฉันรีบชักมือกลับทันที “ฉันเดินเองได้ นายไม่ต้องจูง” อุ้มอมยิ้ม
“ผมเป็นห่วงเห็นพี่นั่งเกร็ง” ฉันพยักหน้ารับรู้แต่ก็ไว้ตัวอยู่ดี “นายเดินไปเหอะ
ฉันเดินเองได้” ไม่ได้หยิ่งหรือกวนนะแต่ มันเสียภาพพจน์ป่ะ
นายสาวเดินจูงมือกะลูกน้องในตลาดงามหน้าดิ ฉันคิดมากไปหรือเปล่านะ
ไม่หรอกกันไว้ก่อนฉันเดินนำหน้าอุ้มไปยังร้านขายปลา
เลือกปลาที่ต้องการเสร็จก็รีบกลับร้านเพราะป้าสายอยู่ร้านคนเดียว
พอถึงร้านอุ้มก็รีบเอาปลาไปทำให้ป้าสายทันที
วันนี้แทบทั้งวันฉันและอุ้มแทบไม่ได้คุยกันเลย ช่วงบ่ายๆ
คนเริ่มบางลงฉันจึงได้พักและนั่งดูบัญชีและเคลียร์บัญชีไปด้วย
ป้าสายเดินเข้ามาสะกิด “หนูเนมดุอะไร เจ้าอุ้มหรือเปล่าค่ะ” ฉันจึงหันมามองป้าสาย
“เปล่านี่ค่ะ ป้าสาย” ป้าสายยังคงพูดต่อ “ป้าสังเกตว่า
ตั้งแต่กลับจากตลาดดูอุ้มเงียบผิดปกติ ไม่เล่น ไม่หยอก ทำแต่งานนึกว่าทะเลาะกันมา
ถ้าไม่มีอะไรก็แล้วไปค่ะ” พุทโธ่!!!ใครจะกล้าบอกว่า หนูเผลอไปเกาะเอวนายนั่นมาค่ะ
แถมตอนถึงตลาดนายนั่นเป็นห่วงเลยจะจูงเดินค่ะ บลาาาาาาาาาาาาาม่ายกล้าคร่า
แต่ฉันก็แอบสังเกตนะ พอป้าเดินไปนายอุ้มเงียบมากไม่เล่น ไม่หยอก ไม่แซว
เหมือนป้าบอก เอ?? หรือว่าจะโกรธเรา เช๊อะ!!!! เราไม่ได้ผิดนี่แต่เรากะรู้สึกไม่ค่อยดีเลยเราทำเกินไปรึเปล่า???
เฮ้อ!!!ชักจะปวดหัวไม่น่ารับนายเข้ามาเลย เฮ้อ!!! “
พี่ครับวันนี้ผมขอกลับเร็วหน่อยนะครับ รู้สึกจะไม่สบาย” ฉันสะดุ้ง
แต่พยักหน้ากลบเกลื่อนไป “อ้าว แล้วนายกินยายัง มียากินมั้ย” อุ้มยิ้มน้อยๆ
รอยยิ้มนี้แหละที่ฉันแทบไม่ได้เห็นมาแทบทั้งวัน “ไม่มีครับ เดี๋ยวไปหาซื้อเอาครับ”
ฉันจึงเดินไปหยิบยาที่ตู้ยาสามัญประจำบ้านทันที “อ่ะ นี้เอาไปกินก่อน”
อุ้มยิ้มรับเช่นเดิม แล้วหันหลังเดินออกไป ฉันรู้สึกผิดขึ้นมาเลยนะ
ไม่ใช่ไม่รู้สึกอะไรแดดที่ร้อนและอาการเกี้ยวกาจที่ฉันมีให้ตอนไปตลาดนั่นด้วย เขาอาจไม่ได้คิดร้ายกับฉันแต่เราคิดมากเกินไปมากกว่า
ฉันจึงเดินตามออกไป “นี่ๆ นายๆ พรุ่งนี้ถ้าไม่ไหว นายไม่ต้องมาก็ได้นะ
พี่อนุญาตให้หยุดได้” อุ้มพยักหน้ารับทราบ “ขอบคุณครับ”
เขาคงจะไม่สบายเลยไม่อยากพูดมั้งฉันได้แต่คิดเอาเอง “ พี่ครับผมจะพยายามมาให้ได้ครับ
เพราะผมรู้ว่ามีคนเป็นห่วง ถึงเขาจะชอบเก๊กหน้าตลอดเวลาก็เหอะ” คำนี้กระซิบเบาๆ
แล้วเดินตัวปลิวออกไป ฉันฉุนกึกทันที เด็กบ้า!!! มันน่านัก
แต่ก็อดอมยิ้มในความทะเล้นของเขาไม่ได้
ในช่วงสายๆ ของเช้าวันใหม่
“สวัสดีครับป้าสาย เจ้สวัสดีครับ”
ฉันปรายตามองแต่ในใจก็นึกดีใจที่เขามาทำงานได้ตามปกติ ป้าสายรีบทักทายอุ้ม
“หายดีแล้วรึ ซึมอย่างเมื่อวานไม่เอานะ มันกร่อย” อุ้มหัวเราะ “ครับป้า
ดีขึ้นแล้วได้พาราไปหลายเม็ด ต้องรีบมาครับเดี๋ยวป้าจะเหงา”
ไม่พูดเปล่าแต่ปรายตามองมาทางเราอีก ฉันทำหน้าดุใส่ทันที “อุ๊ย!!!”
อุ้มอุทานล้อเลียนฉัน
พอมีกำลังก็กวนทีนอยากด่ายิ่งนักถ้าไม่ติดว่ามีป้าสายอยู่ด้วยด่าไปนานแหละ
แต่ตอนนี้ทำได้แค่ค้อนให้เท่านั้น “ป้าครับ ถ้าผมไม่มากลัวว่าจะมีคนคิดถึงผมครับ”
ป้าสายยิ้มแฉ่ง “ งั้นเลยรึ เจ้าอุ้ม” อุ้มยิ้มตอบ “ใช่ครับป้า อย่างน้อยๆ
ก็ป้าสายคนนึงละครับ” ป้าสายหัวเราะร่วนเลยทีเดียว
บรรยากาศในร้านคึกคักเพราะเสียงเจ้าหนุ่มคนนี้นี่เอง
ฉันทำเป็นไม่สนใจแต่แอบฟังทุกถ้อยคำก็ว่าได้
นี่เราเป็นอะไรทำไมต้องสนใจใส่ใจตานี่มากนักนะ ฉันสะดุ้งเมื่อเสียงนึงเรียก
“พี่ครับ กาแฟครับป้าสายให้เอามาให้” ฉันหรี่ตามอง “ อืม” อุ้มหน้าง้ำ “โห่
ขอบคุณสักคำก็ไม่มีเดินมาตั้งหลายก้าว” ฉันจึงสวนไปว่า “ฉันไม่ได้ใช้”
อุ้มหน้าเหวอ “โห่ ใจร้ายอ่ะ ไปดีก่า เช๊อะ” อุ้มเดินตัวปลิวออกไป
ฉันกลับยิ้มให้ตัวเองอย่างมีความสุข อยากหัวเราะดังๆ ด้วยซ้ำไป
เพราะความทะเล้นทะลึ่งของเจ้าตัวยุ่งนี่แหละ
ขณะที่นั่งคิดอะไรเพลินๆ
เสียงป้าสายก็ดังขึ้น “หนูเนมๆ ของหมดเอาไงดีเพิ่ง 11.00 โมงเอง” ฉันหน้าเหวอ
เพราะเวลานี้หารถไปตลาดยากมาก ก็อย่างที่รู้ๆ
ถ้าจะไปตลาดต้องตื่นแต่เช้าไปเลือกของที่ตลาดแล้วค่อยจ้างสามล้อมาส่ง ฉันได้แต่ยิ้มแหยๆ
กับป้าสาย “ป้าขอโทษนะหนูเนม วันนี้ขายดีของเลยหมดเร็ว เอางี้มั้ยค่ะ
เดี๋ยวป้าบอกเจ้าอุ้มซิ่งรถไปให้” ฉันยังสยองไม่หายได้แต่ทำตาปริบๆ
“ป้าสายมีไรครับ” ต๊าย ตาย ตายยากจริงๆ โผล่มาเลยทีเดียว “เอิ่มของหมด
อุ้มช่วยพาหนูเนมไปตลาดหน่อยนะ เดี๋ยวป้าโทรสั่งเขาให้จัดให้” อุ้มหันมามองที่ฉัน
“ผมไม่มีปัญหาหรอกป้า ว่าแต่หนูเนมของป้าเหอะ กล้าหรือเปล่าซิ่งกะผมอ่ะ”
ไม่พูดเปล่าหันมายักคิ้วให้เราอีก อีตาบ้า!!! อยากจะด่าให้เสียคนนัก “เอิ่มป้าค่ะ”
ป้าสายหันมามองที่ฉัน “เนมว่าวันนี้เราปิดร้านครึ่งวันก็ได้ค่ะ” ป้าสายตกใจเพราะฉันไม่เคยให้ปิดร้านเลยตั้งแต่เปิดมา
“อ้าวทำไมละค่ะ หนูเนม” ฉันได้แต่อึกอัก เพราะไม่อยากนั่งรถกะอุ้ม “เอิ่ม คือ.....
เอิ่ม” ป้าสายทำหน้างง “ไงค่ะ หนูเนมเอาไง อย่าถึงต้องปิดเลย”
อุ้มยืนยิ้มอย่างรู้ทันฉัน “เอางี้ดีกว่าครับป้า ป้าโทสั่งของเดี๋ยวผมไปรับของคนเดียวก็ได้ครับ”
ป้าสายตอบว่า “ไม่ได้หรอกอุ้ม อุ้มเอามาไม่หมดหรอก หนักนะ” ฉันจึงตัดปัญหาด้วยการ
“เนมไปกะอุ้มก็ได้ค่ะ ป้าสาย ไปเตรียมรถดิ นาย” ป้าสายทำท่าโล่งอก
เจ้าอุ้มของป้ายิ้มกริ่ม “เชิญคร้าบบบบบบบ” ฉันค้อนเล็กๆ ค่อยๆ
ขึ้นนั่งแล้วรีบกำชับ “อย่าขับไวนะ ห้ามขับกระตุกด้วย” อุ้มอมยิ้ม “ได้ครับ
คุณผู้หญิง” ดูนะ ยังจะกวนประสาทได้อีก ฉันนั่งนิ่งๆ ไม่กล้าขยับมากกลัวตก
แต่วันนี้อุ้มขับรถนิ่มมากไม่เหมือนวันนั้น “
ผมขอโทษที่วันนั้นขับรถไม่ดีทำให้พี่ตกใจ ผมไม่ได้มีเจตนาแกล้งพี่นะครับ”
ฉันได้แต่นึกในใจ “เช๊อะ ไม่ต้องทำมาเป็นพูดดีเลย” อุ้มยังพูดต่อ “ผมขอโทษจริงๆ นะ
พี่โกรธผมมากหรอ อีกไม่กี่อาทิตย์ผมก็จะไปเรียนแล้วนะ เรามาคุยกันดีๆ ได้มั้ย”
ฉันอึ้งนิดหนึ่งเผลอซบหน้ากับแผ่นหลังเบาๆ
ได้ยินเสียงหัวใจของใครบางคนเต้นเสียงดังทีเดียว “อืม ต่อไปนี้ฉันจะพูดกับนายดีๆ ก็ได้
แต่นายห้ามกวนประสาทฉันนะ นายรับปากมาดิ” อุ้มยิ้มละไม “ผมไม่เคยกวนเลยนะ
ผมพูดออกมาจากใจจริงๆ พี่ไม่เข้าใจเจตนาของผมเองตะหาก” นี่ขนาดไม่กวนประสาทนะ
ยังขนาดนี้เลย “หราาาาา” ฉันแกล้งลากเสียงยาวววว “พี่รู้ตัวมั้ย
พี่น่ารักมากเลยนะเวลาที่เป็นตัวของตนเอง ไม่เก๊กเป็นเจ้ เจ้าของร้านอ่ะ
ผมแอบปลื้มพี่อยู่นะ” คราวนี้ฉันทุบหมับเข้าให้ “นี่ นาย” อุ้มรีบเตือน “อย่าน่า
เดี๋ยวรถตกหลุมอีกนะ” ฉันได้เงื้อมง้ามือค้างไปอย่างนั้น “บ้า!!!” อุ้มอมยิ้ม
ขับรถช้าๆ “วันนึ้เราคุยกันดีๆ สักวันนะพี่ ไม่ต้องปั้นหน้าเป็นเจ้หรอก
บางครั้งผมเองก็เหนื่อยแทน” อุ้มยังคงพูดไม่หยุด ไม่รู้ว่าผีเจาะปากมาให้พูดรึไง
แต่มันก็ทำให้เรารู้สึกดี อย่างบอกไม่ถูกนี่เราเป็นอะไรไปนะ บ้าจริง!!! “นี่นาย
หยุดเพ้อได้แหละ ขี้เกียจฟัง ฉันจะใช้ความคิด” อุ้มรีบตอบกลับ
“คิดทบทวนเรื่องผมหรือเปล่า” คราวนี้ไม่เงื้อม แต่ทุบจริงๆ “อุ๊บ!!
พี่นี่มือหนักใช่เล่นเลยนะ ผมไม่แหย่แต่ผมปลื้มพี่จริงๆ นะ” ฉันหน้าตึงอีกครั้ง
“ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นนะ อย่ามากวนใจ” อุ้มตอบทันที
“วันหนึ่งถ้าผมไม่อยู่พี่จะเหงานะ” นั่นซิ
แค่เขาไม่สบายเราเองยังรู้สึกเป็นห่วงเลย เอาเข้าจริงถ้าอุ้มไม่อยู่จะเป็นอย่างไรนะ
เฮ้อ!!! นี่เราจะหลงกลเด็กจนตกหลุมพรางรึยังไง บ้า!!ชมัด “แน่ะ!!เงียบๆ
แสดงว่าผมพูดถูกใช่มั้ย” ฉันรีบกลบเกลื่อนทันที “ขับรถไปเหอะ
อย่ามัวมโน”อุ้มหัวเราะ หึ หึ ในลำคอรับรู้ได้ว่าเนมนายสาวอ่อนข้อให้บ้างแล้ว
เพราะถ้าเขาแหย่แบบนี้เป็นเมื่อก่อนนะ เป็นต้องโดนดีไปแล้ว “ผมอยากเป็นมิตรนะ
ไม่ได้จะมาก่อกวน”อุ้มพูดช้าๆ น้ำเสียงนุ่มนวลบ่งบอกถึงความจริงใจ ความเป็นมิตร
“แล้วนายจะมาบอกทำไม ฉันไม่ได้อยากรู้” ฉันยังคงกลบเกลื่อนต่อไป “เปล่า
ผมก็แค่อยากบอกให้รู้ว่า ผมเป็นอย่างไร ผมไม่ได้จะกวนโมโหหรืออะไรทั้งนั้น
ผมมีความรู้สึกดีๆ ผมก็อยากแบ่งปัน” เช๊อะ ช่างพูดจริง “งั้นเลย” ฉันตอบได้แค่นั้น
“ผมพูดจริงนะ อีกไม่กี่อาทิตย์ผมจะไปเรียนเพื่อปิดโปรเจ็ค ผมคงไม่ได้เจอพี่อีกนาน”
ฟังแล้วก็น่าใจหาย นั่นดิคนเคยเห็นกันทุกวันอยู่ๆ ต้องไม่เจอกันมันก็แปลกๆ นะ
เราจะรู้สึกใจหายมั้ยนะ “นี่นาย ต้องการบอกอะไรห๊ะ!! ขับรถไปเลยนะ
ไม่ต้องพูดกว่าจะถึงผักเหี่ยวพอดี เร็วๆ เข้าเหอะ พูดมากจริง”
อุ้มนั่งขับรถเงียบไปพักใหญ่ก็พูดขึ้นอีก “พี่ผมถามคำนึงนะ
พี่จะคิดถึงผมมั้ยถ้าผมไม่อยู่” ฉันชักเริ่มหมดความอดทน “นี่นาย
ถ้านายยังพูดมากฉันจะลงละนะ ขับไป” คราวนี้ได้ผลแฮะ อุ้มเงียบสนิทจนฉันเองก็แปลกใจ
เมื่อซื้อของจ่ายตลาดเสร็จจนถึงร้านอุ้มก็ไม่พูดเลยสักแอ๊ะ คราวนี้เป็นฉันเองที่เดือด
“นี่นายเป็นบ้าอะไรไม่พูดไม่จา” อุ้มหันมามองแล้วก็เดินเลี่ยงไป
มันทำให้ฉันยิ่งโมโห “นี่นาย” ไม่พูดเปล่าฉันตรงเข้าไปดึงแขนเพราะโมโห อุ้มหันขวับมองหน้ายิ้มกวนๆ
“พี่แพ้ผมแล้วนะ พี่โมโหจนลืมตัวจับแขนผม พี่ไม่ต้องตอบคำถามผมแล้ว
เพราะผมได้คำตอบแล้ว” ฉัน งง “คำตอบบ้า บอ อะไรขอนาย” อุ้มยิ้มแทนคำตอบเดินไปเก็บจานแล้วพูดขึ้นว่า
“พี่เองก็สนใจผม แต่ขี้เก๊กไง” โอ้ย!!ฉันอยากจะบ้านายคนนี้นายรู้ทันฉัน “เอิ่ม...บ้านายอย่ามาพูดมั่วๆ
พูดเอง เออเอง” ฉันเถียง “พี่โกรธจนลืมตัวดึงแขนผม ทั้งๆ ที่พี่เป็นถือตัว
เท่านี้ก็น่าจะพอแล้วนะ” ฉันอึ้งแต่ก็ยังรั้นถือตัวเถียงต่อ “เวลาโมโห ใครๆ
เขาก็ทำป่ะ”อุ้มยิ้มละไม “OK
ครับ ผมไม่เถียงกะพี่ละ ผมยอมแพ้ แต่ผมฝากอะไรอย่างนึงให้พี่คิดเล่นๆ
นะครับอะไรที่อยู่ใกล้ๆ เราไม่ค่อยให้ความสำคัญหรอก
เราจะรู้ค่าก็โน่นแหละตอนที่มันหาย หรือมีคนมาเอามันไป ผมทำงานต่อล่ะ”
พูดจบก็หันหลังไปเก็บจานที่ลูกค้ากินเสร็จทันที ฉันรู้สึกสับสน มึนงง
หลากหลายอารมณ์ เข้ามาแทนที่ความโกรธฉันนั่งลงที่โต๊ะทำงานตัวเดิม
โดยที่จิตใจของฉันไม่เหมือนเดิม สับสน ว้าวุ่นใจ
นายมาทำอะไรกับความคิดฉันนายแอบเข้ามาในความคิดฉันตั้งแต่เมื่อไร
ฉันพยายามขับไล่ความสับสน
แต่ดูเหมือนนายเข้ามาในพื้นที่ของฉันสร้างอาณาเขตแถมยังแผ่ขยายออกไปเรื่อยๆ
ที่สำคัญยังมาวางทุ่นระเบิดใส่ฉัน นายจะไปนายก็ลาออกเหมือนคนอื่นๆ ทั่วๆ ไป
ไม่ได้หรือไงจะต้องมาพูดโน่น นี่ นั่น ให้ฉันสับสนทำไม นายนะนาย “หนูเนมๆ
นอนหรือยัง คุยกับป้านิดนึงได้มั้ย” ป้าสายเคาะประตูเรียก “ยังคร่า แป๊บนะค่ะ”
ฉันรีบไปเปิดประตูให้ป้าสาย “ยังไม่ง่วงใช่มั้ย หนูเนม” ฉันยิ้มรับ “ยังค่ะ
ป้าสายคุยได้เลยค่ะ” ป้าสายมองหน้าฉัน เหมือนชั่งน้ำหนักก่อนจะพูดว่า “หนูเนม
ป้าคิดว่าป้าดูหนูกับอุ้มออก” ฉันตกใจ “ป้าค่ะ มันไม่ใช่อย่างที่ป้าคิดนะค่ะ”
ฉันพยายามอธิบาย ป้าสายกลับจับมือฉันบีบเบาๆ “ป้าเข้าใจค่ะ
ป้าไม่ได้จะดุหรือว่าอะไร แต่ป้าอยากให้หนูเปิดใจยอมรับตัวเอง
ยอมรับความรู้สึกตัวเอง เผื่อว่าอะไรๆ จะดีขึ้นนะค่ะ” ฉันได้แต่อุทานเบาๆ “ป้า!!”
ป้าสายยังพูดต่อว่า “อุ้มเป็นคนดีนะค่ะ ขยัน นิสัยดี ป้ามองออกค่ะว่าเขาคิดอย่างไร”
ฉันโผเข้ากอดป้าสาย ป้าสายกอดตอบหลวมๆ “ป้ารักหนูเนมนะค่ะ
ไม่อยากเห็นหนูเนมต้องเป็นทุกข์” เมื่อพูดจบป้าสายก็ขอตัวไป
ฉันครุ่นคิดตามที่ป้าแนะนำ วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่อุ้มจะอยู่ทำงานที่ร้านของเรา
ฉันกับป้าจึงอยากจะเลี้ยงส่ง “นี่นาย เย็นนี้นายว่างมั้ย รีบกลับบ้านหรือเปล่า”
ฉันถามโดยไม่มองหน้า อุ้มมองหน้าฉันนิดนึง “ไม่รีบครับ ก็กลับตามปกติ” ฉันจึงพูดต่อว่า
“งั้นเย็นนี้ที่ร้านจะเลี้ยงส่งนาย เป็นงานเลี้ยงเล็กๆ นะ นายว่าไง”
อุ้มหันมามองฉัน นัยน์ตาเป็นประกาย “จริงหรือครับ”
ไม่พูดเปล่าจับแขนฉันเขย่าอย่างดีใจ “ขอบคุณครับ”
นัยน์ตาที่เป็นประกายบ่งบอกถึงความดีใจ มีความสุข
ผิวปากทำงานอย่างมีความสุขเลยทีเดียว ฉันยิ้มกับตัวเอง
ป้าสายอมยิ้มที่เห็นฉันเริ่มเปิดใจ “เย็นๆ เริ่มปิดร้านนะ เราจะมีงานเลี้ยงเล็กๆ
กัน” อุ้มรีบเก็บร้านตามที่ฉันบอก ส่วนป้าสายเตรียมอาหารฉันเป็นลูกมือ ช่วยหั่น
ช่วยหยิบ สนุกสนาน หัวเราะขำขันเพราะความที่ทำอะไรเก้ๆ กังๆ
อุ้มเองก็พลอยขำไปกับป้าสายด้วย “นี่รวมกันหัวเราะเนมหรือ” ฉันงอนเบาๆ อุ้มรีบตอบ
“เปล่าเลย” ป้าสายรีบผสมโรง “ป้าเอ็นดูตะหากล่ะ” ฉันค้อนอย่างงอนๆ “แหมๆ “
คราวนี้ทั้งป้าสายและอุ้มหัวเราะพร้อมกัน วันนี้ดูทุกคนมีความสุข
ในขณะที่ช่วยกันทำอาหารเพราะในครัวคับแคบทำให้ฉันกับอุ้มชนกันหลายครั้งวันนี้นับเป็นอีกวันที่เราได้ใกล้ชิดกันได้ขนาดนี่เหมือนเวลาหยุดหมุนเรายืนจ้องกันอยู่นาน
นัยน์ตาคู่นั้นน่าค้นหา ขนตาที่งอนยาวที่เราแอบชื่นชมจ้องไม่กระพริบ คิ้วดกหนา
แต่เอ? เขาขมวดคิ้วทำไม แถมยังยักคิ้วล้อเลียนอีก “บ้า!!” อุ้มหัวเราะ หึ หึ
ในลำคอฉันละเกลียดเสียงหัวเราะแบบนี้จริงมันเหมือนกับว่ารู้ทันฉันตลอดเวลา “อ้าว??
มาด่าผมทำไม จ้องตาผมตั้งนานผมยังไม่ว่าเลย” ฉันเชิดหน้าเถียงทันที
“ก็นายล้อเลียนฉัน” อุ้มยิ้มหน้าระรื่นพูดเบาๆ เหมือนกระซิบ “ผมรู้นะ พี่ปลื้มผม
เมื่อไรพี่จะยอมรับเสียทีวันนี้เป็นสุดท้ายของการทำงานที่นี่แล้วนะ
พี่จะไม่พูดอะไรกับบ้างเลยรึ” ฉันมองหน้าอุ้มนิ่ง ก่อนที่จะยักคิ้วล้อเลียนบ้าง
อุ้มหัวเราะ “ทีผมยังพูดในสิ่งที่ผมอยากพูดเลย แล้วพี่จะเก๊กไปถึงไหน” ฉันเหลือบมองนาฬิกาสามทุ่มแล้วนี่
“นี่นายดึกแล้วนะ ยังไม่กลับหรือไง” อุ้มหันมามอง “แน่ะ เถียงไม่ได้ไล่ผมเลยรึ”
ฉันได้แต่ส่ายหน้า “เปล่า
ฉันแค่เป็นห่วงนายต้องขับรถทางมืดๆ”
อุ้มถือวิสาสะดึงมือฉันเดินมาที่ลานกว้างหน้าร้านและนั่งลงที่ม้านั่ง
“ผมอยากคุยดีๆ กับพี่ก่อนกลับได้มั้ย แล้วผมสัญญาว่าจะมาช่วยพี่ที่เวลาที่ผมว่างจากเรียนดีมั้ย”
ฉันนั่งฟังเงียบๆ “นายจะมีเวลารึ ถึงเวลานั้นฉันคงมีลูกจ้างแล้วมั่ง”
อุ้มพูดขึ้นทันที “นั่นแหละ ผมจะมาผมอยากเห็นหน้าพี่” ฉันทำเป็นไม่สนใจ
“ผมรู้ว่าพี่แกล้งทำเป็นไม่สนใจผมนะ” คราวนี้ฉันขำกลบเกลื่อน “นายนี่แสนรู้จริงนะ”
อุ้มยิ้มละไม รอยยิ้มกว้างๆ แต่ดูจริงใจ “ผมพูดจริงนะ ผมจะมาช่วยพี่ผมสัญญา”
อุ้มตอบอย่างหนักแน่น ฉันได้แต่ส่ายหน้าและยิ้มอ่อนตอบ “ก็ตามใจนายนะ
ถ้านายคิดว่าทำได้ ฉันไม่ได้ห้ามอะไร ป้าสายเองเขาก็โปรดปรานนายจะตาย”
ฉันเหลือบสบตาอุ้ม เหมือนค้นหาความจริง นัยน์ตาของอุ้มเป็นประกายวาววับ
เลยทีเดียวมันไม่ใช่เริ่มหวั่นไหวแต่มันไหวหวั่นจนหวั่นไหว “เอาเป็นว่าผมว่าง
ผมจะมาช่วยพี่เก็บร้านทุกวันนะครับ” อุ้มยังคงอ้อนต่อ ฉันได้แต่พยักหน้ารับไป
“นี่นายไม่กลับบ้านรึไง มันดึกมากแล้วนะ” ฉันติง “พี่เป็นห่วงละซิ”
ไม่ถามเปล่าเล่นจัองหน้าตาไม่กระพริบเลยเชียว “อืม” คราวนี้อุ้มยื่นหน้ามาซะใกล้ “ขอบคุณนะครับที่คุยกับผมดีๆ
และยังเป็นห่วงผมอีก ถึงพี่จะไม่พูดอะไรผมก็เข้าใจครับ”เออนั่นรู้ดีทุกเรื่องซิน่า
เอาว่ะ!!!ไหนๆ ก็ไหนๆ ละลองดูซักตั้งจะเป็นไร “นายอยากมาช่วยใช่ป่ะ
นายตั้งใจแบบนั่นใช่ป่ะ ตามใจนายนะแต่ฉันมีกฏให้นายข้อเดียว
นายต้องซื่อสัตย์และซื่อตรงต่อความรักของนาย นายทำได้มั้ย”
คราวนี้อุ้มลุกขึ้นกระโดดโลดเต้นเลยทีเดียว “เย้ๆๆ ได้ดิ
กว่าผมจะทำให้พี่ใจอ่อนได้มันง่ายซะที่ไหน” ฉันนั่งอมยิ้มรู้สึกผ่อนคลาย
“ตกลงนายจะกลับบ้านได้หรือยังมันดึกมากแล้วนะ”อุ้มยังไม่หุบยิ้ม “ได้แล้วครับ
แต่ขอไปบอกป้าสายแป๊บ” พูดจบก็วิ่งเลยทีเดียว ฉันรู้สึกเหมือนปลดล็อคให้ตัวเอง
จากที่วางมาดขรึมอยู่เป็นเดือนๆ “พี่ครับผมกลับแล้วนะครับ พรุ่งนี้เย็นๆ
ผมจะมาใหม่” ฉันพยักหน้ารับรู้โบกมือให้ ก่อนที่จะชะเง้อคอยืดส่งสายตาตามส่งออกไป
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเปิดประตูรับใครบางคนเข้ามาในพื้นที่หัวใจ
เพราะปกติเปิดแต่ประตู
ร้านสเต๊กเพื่อต้อนรับลูกค้าในแต่ละวันเท่านั้น
แต่นี่มันพื้นที่ของหัวใจ สั่งลำบากซะด้วยแถมไอ้เจ้าหัวใจก็ไวเกินกำลัง
จะทัดทานหรือออกคำสั่งเคยจะฟังซะที่ไหนจะอย่างไร ฉันก็ต้องยอมรับว่า
การที่มีใครเพิ่มเข้ามาในชีวิตมันก็เป็นเรื่องที่ดี ที่สำคัญเราเองก็มีความสุข
แล้วยังต้องรออะไรอีก!! แม้จะเคยคิดว่า นั่นมันคือ หลุมพราง แต่ตอนนี้หลุมพราง
กลางใจของใครบางคนได้กลืนกินหัวใจของใครอีกคนไปแล้ว!!!!!
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ ตวันหลง ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ตวันหลง
ความคิดเห็น